เลือกวิธีไหนให้ถูกกับปัญหา?
เมื่อบ้านมีปัญหาการทรุดตัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นโรงจอดรถทรุด โพรงใต้บ้าน หรือรอยแยกระหว่างส่วนต่อเติม เจ้าของบ้านมักได้ยินเกี่ยวกับสองเทคโนโลยีหลักในการแก้ไขปัญหา: การเสริมเสาเข็มไมโครไพล์ และ การฉีด PU Foam (โพลียูรีเทนโฟม) แม้ทั้งสองวิธีจะช่วยแก้ไขปัญหาการทรุดตัวได้ แต่มีหลักการทำงาน ข้อจำกัด และความเหมาะสมกับประเภทของปัญหาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกวิธีแก้ไขที่ถูกต้องและยั่งยืน
PU Foam: เหมาะสำหรับพื้น On-Ground และการปรับปรุงดินใต้ฐานแผ่
หลักการทำงาน: PU Foam เป็นวัสดุที่เมื่อฉีดเข้าไปในช่องว่างใต้พื้นหรือโครงสร้าง จะเกิดการ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อเติมเต็มโพรงอากาศและสร้างแรงดันในการ บดอัดดินด้านล่างให้แน่นขึ้น ปรับปรุงดินด้านใต้ให้แข็งแรง รวมถึงการยกปรับระดับพื้นหรือโครงสร้างที่ทรุดตัวให้กลับสู่ระดับเดิมได้
ความเหมาะสม:
- พื้น On-Ground (พื้นวางบนดิน): เทคโนโลยีการฉีด PU Foam เหมาะสมอย่างยิ่งกับ พื้นประเภท On-Ground เช่น พื้นโรงจอดรถ พื้นบ้านชั้นล่างที่ไม่ได้วางอยู่บนคาน หรือพื้นบริเวณรอบบ้านที่วางอยู่บนดินโดยตรง เมื่อดินใต้พื้นเหล่านี้ทรุดตัวเกิดโพรงขึ้นมา โฟมสามารถเข้าไปเติมเต็มและบดอัดดิน ทำให้พื้นกลับมาเหมือนเดิม
- ปรับปรุงดินใต้ฐานแผ่: ในกรณีที่โครงสร้างบ้านเป็น ฐานรากแบบฐานแผ่ (Footing Foundation) และมีปัญหาการทรุดตัวเนื่องจากดินใต้ฐานแผ่อ่อนตัวหรือเกิดโพรงขึ้นมา การฉีด PU Foam สามารถช่วยในการ บดอัดดินด้านใต้ฐานแผ่ให้แน่นขึ้น เป็นการปรับปรุงคุณภาพของดิน เพื่อลดการทรุดตัวต่อไป
ข้อจำกัด:
- ไม่สามารถใช้กับโครงสร้างที่อยู่บนเสาเข็ม: เป็นเรื่องของความเข้าใจผิดที่พบบ่อย PU Foam ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อยกโครงสร้างที่อยู่บนเสาเข็ม ไม่ว่าจะเป็นเสาเข็มสั้นหรือยาว เนื่องจาก แรงกระทำในการรับน้ำหนักของโครงสร้างที่อยู่บนเสาเข็มอยู่ที่ปลายเสาเข็ม ซึ่งฝังลึกอยู่ในดินแข็ง การฉีดโฟมใต้ฐานรากที่อยู่บนเสาเข็มจะไม่สามารถส่งแรงไปถึงปลายเสาเข็มเพื่อแก้ไขการทรุดตัวของเสาเข็มได้ โฟมจะทำได้เพียงเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการทรุดตัวของดินรอบๆ เสาเข็มเท่านั้น ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาการทรุดตัวของโครงสร้างหลักที่มาจากตัวเสาเข็มเอง
- ข้อควรระวังเรื่องท่อและสายไฟใต้ดิน: สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ระบบท่อน้ำ ท่อประปา หรือสายไฟฟ้าที่อาจอยู่ใต้พื้นคอนกรีต การฉีด PU Foam ที่มีการขยายตัวอาจไป ดันระบบท่อและสายไฟเหล่านี้จนเสียหาย ได้ หากไม่มีแบบแปลนที่ชัดเจนหรือความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งของท่อ เจ้าของบ้านจำเป็นต้องทราบรายละเอียดโครงสร้างภายใน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนดำเนินการ
เสริมเสาเข็มไมโครไพล์ ทางออกสำหรับโครงสร้างที่ทรุดตัวอย่างแท้จริง
หลักการทำงาน: การเสริมเสาเข็มไมโครไพล์แบบกดด้วยไฮดรอลิก เป็นการติดตั้ง เสาเข็มใหม่ลงไปเพื่อถ่ายเทน้ำหนักของโครงสร้างสู่ชั้นดินแข็ง โดยการกดเสาเข็มลงไปทีละท่อนจนกว่าจะถึงชั้นดินดาน และเมื่อเสาเข็มถึงชั้นดินแข็งและสามารถรับน้ำหนักได้ตามต้องการแล้ว จึงถ่ายน้ำหนักของโครงสร้างที่ทรุดตัวลงสู่เสาเข็มใหม่นี้
ความเหมาะสม:
- แก้ไขส่วนต่อเติมที่ทรุดตัวอย่างแท้จริง: หากส่วนต่อเติมของคุณ (เช่น ห้องครัว) มีปัญหาการทรุดตัวเนื่องจาก เสาเข็มสั้น ที่ไม่ได้ลงลึกถึงชั้นดินแข็ง การเสริม เสาเข็มไมโครไพล์ เป็นทางออกที่ถูกต้องและยั่งยืนที่สุด เพราะจะช่วย หยุดการทรุดตัวของโครงสร้างได้อย่างถาวร
- ลงลึกถึงชั้นดินแข็ง: เสาเข็มไมโครไพล์สามารถ ลงลึกได้มากกว่า 20 เมตร จนถึงชั้นดินดาน และมี แรงดันการกดมากกว่า 300 บาร์ (Bars) ทำให้รับน้ำหนักได้มากกว่า 15 ตันต่อต้น (ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและวิศวกรรมการออกแบบ)
- ทำงานในพื้นที่จำกัด: จุดเด่นของไมโครไพล์คือสามารถ ทำงานในพื้นที่แคบต่ำสุด 40 เซนติเมตร โดยไม่ต้องรื้อโครงสร้างออก ทำให้เหมาะสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยแล้ว
- ปลอดภัยต่อระบบท่อและสายไฟ: เนื่องจากเป็นการกดเสาเข็มในตำแหน่งที่กำหนดไว้ และสามารถควบคุมทิศทางได้ ผู้เชี่ยวชาญสามารถ หลบหลีกแนวท่อและสายไฟฟ้า ที่อยู่ใต้คอนกรีตได้ดีกว่าการฉีดโฟมที่ขยายตัวไม่สามารถควบคุมทิศทางการขยายตัวได้อย่างละเอียด
- ไม่มีเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน: การกดเสาเข็มด้วยระบบไฮดรอลิกทำให้ ไม่มีเสียงดังรบกวนและแรงสั่นสะเทือน ต่อบ้านและเพื่อนบ้าน
1.ต้องเป็นโครงสร้างที่มีคานคอดินรองรับเท่านั้น
- เสาเข็มไมโครไพล์ถูกออกแบบมาเพื่อ รับน้ำหนักจากโครงสร้างที่มีคานคอดิน (Grade Beam) หรือคานอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเสาตอม่อโดยตรงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปเสริมกับพื้นคอนกรีตโดยตรงได้
- เหตุผล: แรงกดมหาศาลที่เกิดจากการถ่ายน้ำหนักจากโครงสร้างสู่เสาเข็มไมโครไพล์ หากกดลงบนพื้นโดยตรง จะทำให้พื้นคอนกรีตเกิด การแตกร้าวและเสียหาย ได้ทันที เพราะพื้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับแรงกดในลักษณะนี้ การทำงานต้องถ่ายน้ำหนักจากเสาหรือคานลงสู่เสาเข็มโดยตรงอย่างเป็นระบบ
2.ไม่เหมาะกับโครงสร้างส่วนต่อเติมที่ใช้คานร่วมกับกำแพงโครงการ/หมู่บ้าน
- หากส่วนต่อเติมของคุณ ใช้คานร่วมกันกับกำแพงหมู่บ้าน หรืออยู่ติดกับกำแพงโครงการ/เพื่อนบ้านโดยไม่มีแนวคานแยกที่เป็นอิสระ การเสริมเสาเข็มไมโครไพล์อาจไม่เหมาะสม
- เหตุผล: กำแพงโครงการหรือกำแพงเพื่อนบ้านมักจะมีการทรุดตัวของตัวเองอยู่แล้ว และมักจะ ทรุดตัวลงทั้งแนว หากโครงสร้างส่วนต่อเติมของคุณเชื่อมติดกับกำแพงเหล่านี้อย่างแยกไม่ออก การเสริมเสาเข็มไมโครไพล์ที่ส่วนต่อเติมเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถหยุดการทรุดตัวได้ทั้งหมด และอาจเกิดปรากฏการณ์ที่กำแพงโครงการ/เพื่อนบ้านยังคงทรุดตัวและ ดึงโครงสร้างส่วนต่อเติมของคุณให้ทรุดตามลงไปอีกด้วย ทำให้การแก้ไขไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง
3. ไม่สามารถเสริมโครงสร้างตึกสองชั้นขึ้นไปได้ (โดยทั่วไป)
- โดยทั่วไปแล้ว เสาเข็มไมโครไพล์ที่ใช้สำหรับงานปรับปรุงบ้านพักอาศัย มักจะเหมาะสมกับ โครงสร้างอาคารไม่เกินสองชั้น หรือส่วนต่อเติมที่ไม่สูงมากนัก
- เหตุผล: สำหรับอาคารที่มีขนาดใหญ่หรือตั้งแต่สามชั้นขึ้นไป การรับน้ำหนักและแรงเค้นทางวิศวกรรมจะซับซ้อนและมีมิติมากกว่า เสาเข็มไมโครไพล์ทั่วไปอาจไม่เพียงพอต่อการรับน้ำหนักทั้งหมด และอาจต้องพิจารณาใช้เสาเข็มที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเทคโนโลยีฐานรากที่ซับซ้อนกว่า ซึ่งจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของงานไมโครไพล์ที่มุ่งเน้นการทำงานในพื้นที่จำกัดและลดการรบกวน
เลือกใช้เทคโนโลยีให้ถูกประเภทปัญหา
การเลือกวิธีการซ่อมพื้นทรุดหรือโครงสร้างทรุดขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา
ใช้เสาเข็มไมโครไพล์เมื่อ
- โครงสร้างส่วนต่อเติม หรือโครงสร้างหลักมีปัญหาการทรุดตัวที่เกิดจาก ฐานรากหรือเสาเข็มไม่มั่นคง (เช่น เสาเข็มสั้น)
- ต้องการ หยุดการทรุดตัวของโครงสร้างอย่างถาวร โดยการถ่ายน้ำหนักลงสู่ชั้นดินแข็ง
- มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ทำงาน และไม่ต้องการเสียงดังหรือแรงสั่นสะเทือน
ใช้ PU Foam เมื่อ
- พื้นเป็นแบบ On-Ground (พื้นวางบนดิน) เช่น พื้นโรงจอดรถรอบบ้าน
- ต้องการเติมเต็มโพรงใต้พื้น และบดอัดดินให้แน่นขึ้น
- ปัญหาการทรุดตัวเกิดจากดินอ่อนตัวใต้ฐานรากแบบฐานแผ่
การปรึกษาวิศวกรโครงสร้างหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินปัญหาอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเทคโนโลยีการแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของบ้านในระยะยาว


Leave A Comment